Saturday, October 22, 2011

กลับมาแล้ววววว

สวัสดีค่าาาาา

หลังจากที่ห่างหายจากการอัพบล็อกไปเป็นเวลาชาติเศษเนื่องจากติดภารกิจนู่น นี่ นั่น อยากบอกว่าตอนนี้กลับมาแล้วนะจ๊ะ กลับมาพร้อมกับรูปโฉมใหม่นิดหน่อย อิอิ กลัวว่าจะเบื่อเพจเดิมๆกันซะก่อน

อยากบอกว่าครึ่งปีที่หายไป มีรูปและเรื่องที่จะอัพเยอะมากกกกกกกกกกกก มากจนรู้สึกผิดเลยทีเดียวว่าดองไว้นานขนาดนี้ๆๆๆๆๆๆได้ยังไง ยังไงถ้ามีใครที่ติดตามอ่าน ก็กราบขออภัยงามๆมาในที่นี้ด้วยนะเคอะ อยากบอกว่าต่อไปนี้ หนูจะเป็นคนดีแล้วค่าาาา (เกี่ยวมั้ย?) ม่ายช่ายยย ต่อไปนี้ หนูจะอัพตลอดๆแล้วค่าาา ^^

                                               ________________


มาได้ไม่ทันไรก็ผ่าน 1st Anniversary ไปแบบงงๆ

วันนี้วันที่ 22 เดือน 10 ปี 2011 อยากบอกว่า มันผ่านวันที่ 11 เดือน 9 มาได้เดือนกว่าแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเรามาทำงานที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว ^O^ อยากบอกว่ามันเร็วมากกกกกกก เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ หนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก หลักๆจะมาจากการทำงาน ซึ่งการทำงานที่นี่ก็ได้สอนอะไรเราหลายๆอย่างอีกทอดนึง อย่างเช่น การบริการ การเอาใจใส่ผู้อืน (ก็ผู้โดยน่ะแหละ) การอยู่ร่วมกับผู่อื่น (รูมเมท) การผูกมิตรกะเพื่อนร่วมงาน (ที่เราต้องเจอใหม่ๆในทุกไฟลท์) การอยู่ในกฎระเบียบ (อันเคร่งครัดของที่นี่) และอื่นๆอีกมากมาย

เพราะฉะนั้น ในหนึ่งปีที่ผ่านไป เราได้อะไรมาเยอะแยะมากมาย นอกจากจะได้ทำงานเก็บเงิน ไปเที่ยวในที่ต่างๆแล้ว สิ่งหลักๆที่ได้คือการได้พัฒนาตัวเอง ได้ฝึกฝนตัวเองในหลายๆด้าน โดยเฉพาะเรื่องความอดทน และการเอาใจใส่ดูแลผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งหลักๆที่งานนี้สอนเรา เราได้ฝึกเรื่องการอดทนเยอะมากกกก อดทนนี่หมายถึงอดทนทั้งกายและใจ อยากบอกว่าใครที่คิดว่าคนเป็นแอร์นี่แค่เดินเสิร์ฟสวยๆ chicken or beef? tea or coffee? แค่นี้ ไม่จริงเลย มันเป็นงานที่หนักในระดับนึงที่เดียว แน่นอนว่าไม่ได้หนักเหมือนงานแบกหาม แต่มันหนักกว่าที่คนอื่นคิดเยอะ

มีคนไม่น้อยเลยไม่รู้ว่าทำงานเป็นแอร์บนเครื่อง บางครั้งก็เหมือนงานแบกหามย่อมๆ เพราะกล่องคอนเทนเนอร์ที่ใส่ของที่เราต้องยกเข้ายกออกเวลาหยิบของมันหนักมาก หลายๆคนทำงานนี้หลายๆปีเข้า เจ็บหลังเรื้อรังกันเป็นแถว และหลายๆครั้งที่ทำงานถ้าเราได้เป็นคนครัว หรือ galley operator ในวันที่ไฟลท์เต็ม (ซึ่งมันเป็นบ่อยๆ) เรางี้ทำงานจนหน้ามืดเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่างานหนักอย่างเดียวเพราะเราเป็นคนที่ต้องเตรียมทุกอย่างให้คนอื่นออกไปเสิร์ฟ แต่เราต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วย คือทำทุกอย่างต้องเร็วน่ะเอง นอกจากเรามีงานที่ต้องเตรียมของเราในครัวแล้ว ถ้าใครจะเอาอะไร เราก็ต้องเป็นคนเอาออกไปให้หมดทุกคน เพราะฉะนั้นในหลายๆไฟลท์ เราจะไม่ได้นั่งกันเลย คิดดูว่าไฟล์ห้า หกชั่วโมงไม่ได้นั่งเลยยยยยยย (นั่งแค่เครื่องขึ้น-ลงเท่านั้นแหละ) เพราะฉะนั้นงานนี้ ฝึกเราเรื่องความอดทนและความถึกได้ดีทีเดียว

แต่เชื่อมั้ย ว่าความเหนื่อยกายทั้งหมดทั้งมวลนั่นมันยังไม่เท่าเหนื่อยใจ หรือเวลาที่เราต้องรวบรวมความอดทนทั้งหมดที่มีเวลาบริการผู้โดยสาร ผู้โดยสารบางคน (แค่บางคนนะคะ) เค้าจะพูดจากะเราไม่เป็นมิตรมากๆ บางคนหัวเสียมาจากไหนไม่รู้ บางคนโมโหกราวด์ หรือพนักงานภาคพื้นดิน จัดที่นั่งให้ไม่ได้ ไม่ได้นั่งด้วยกัน ไม่ได้นั่งแถวหน้าสุด (ที่จะยืดขาได้สะดวก) เครื่องที่ต่อมาดีเลย์ โมโหสายการบิน และอีกมากมายล้านแปด เอาความโกรธทั้งหมดทั้งมวลนั่นมาลงที่กรู เอ้ย ลงที่เรา บางครั้งโกรธแทบตาย ไม่ไหวแล้วอยากบีบคอท่านผู้มีพระคุณมากๆ แต่ก็ต้องยิ้มมมมมมม ยิ้มให้ตายกันไปข้างนึง (อกแตกตายเอง เพราะทำอะไรม่ายด้ายยยย)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พอไฟลท์จบทุกอย่างก็จบ โมโหแล้ว เดี๋ยวเดียวก็หาย เหนื่อยกาย พอกลับถึงบ้าน นอนพักตื่นมาก็หาย งานนี้จึงทำให้เราได้พัฒนาตัวเองเยอะมาก  หนึ่งปีที่ผ่านมาจึงมีหลากหลายอารมณ์ หลากหลายรสชาติชีวิตที่ได้เรียนรู้ ดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป ยังไงก็ขอบคุณที่นี่ ขอบคุณงานนี้ที่ทำให้ชีวิตนี้ยังได้เรียนรู้ต่อไป

No comments:

Post a Comment