Saturday, October 22, 2011

ไปเชียร์วอลเลย์บอลสาวไทยกันดีกว่า


ขอเริ่มต้นการกลับมาอีกครั้ง (เน่ พูดซะยิ่งใหญ่ 555) ด้วยภาพสาวๆนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาตินะจ๊ะ แถมแอบได้ข่าวว่าตอนนี้สาวๆฮ็อตมากที่เมืองไทย แหมมม สาวๆมาถึงโดฮา จะไม่ไปเชียร์ได้ยังไง ชิมิ กรี๊ดดดดดดดด ได้ใกล้ชิดคนดัง 55555



เรื่องของเรื่องก็คือว่าได้ข่าวว่านักกีฬาจะมาแข่งชิงแชมป์สโมสรโลกที่โดฮา วันที่ 9 กะ 11 ตุลาคม แต่ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าจะได้หยุดวันนั้นรึเปล่า และก็ไม่แน่ใจว่าอีกสองสาวคู่หูจะได้หยุดพร้อมกันไหม ถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้หยุดแค่คนเดียว คงจะอดดูเป็นแน่เพราะไม่มีเพื่อนไปดู แต่พอตารางออกแล้วรู้ว่าได้หยุดพร้อมกันหมดทั้งสามคนก็ดีใจเต้นแร้งเต้นกาเหมือนผีเข้าอยู่คนเดียว 555 วันที่ได้หยุดคือวันที่ 9 ตุลา ซึ่งทีมสาวไทยในนามทีมช้างจะแข่งกับทีมจากประเทศบราซิล

ปะ ไปดูภาพกันดีกั่ววว

นี่เป็นหอจุดคบเพลิงเมื่อสมัยแข่งกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ โดฮาเกมส์เมื่อประมาณห้าปีที่แล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้ใช้การอะไรในพิธีใหญ่ๆอีก แต่เค้าก็ดูแลอย่างดี ตอนกลางคืนจะมีเปิดไฟรอบหอ สวยงามทีเดียว ส่วนที่ๆเราไปดูแข่งวอลเล่ย์ก็โดมที่เห็นแว๊บๆด้านหลังอะค่ะ


 ส่วนนี่ก็ผู้เล่นตัวหลักของทีมค่ะ นั่งรอกรรมการเรียกลงสนาม
ตัดภาพไปดูฝั่งกองเชียร์กันบ้าง อยากบอกว่านี่คือแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งทยอยมาเรื่อยๆ อยากบอกว่ากองเชียร์ไทยเยอะม๊ากกกกกก มากจริงๆ แถมเชียร์กันได้ใจมากค่ะ เหมือนนั่งอยู่เมืองไทยยังไงยังงั้น แถมมีอยู่แค่กองเชียร์เดียวด้วย กองเชียร์อีกทีมนึงมีน้อยกว่าเยอะ

นี่ ให้ดูเป็นหลักฐาน พอเรามานั่งได้แป๊บนึง ฝั่งกองเชียร์ก็มีการแจกธงให้เราพร้อมรบเลยจ้าาา สามคนก็สามธงเลยน้า นี่ลืมไป มีเรื่องเล่าด้วยหละ คือว่าเราสามคนรักชาติมากกกก อยากรีบมาเชียร์ กลัวมาไม่ทันเค้าเริ่มแข่ง 555 จำได้ว่าเกมส์จัเริ่ม 10โมง แต่อีสามคนนี่มาถึงตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง คือถ้าเป็นที่เมืองไทยคงไม่แปลก คงมาช้าเกินด้วยซ้ำ แต่ลืมไปไงเจ้าคะ ว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ไปก่อนเวลานานขนาดนี้ ก็เลยเป็นอีสามกองเชียร์สามคนแรกที่มาเลยจ้าาาาาาาา คืออยากบอกว่าตอนเดินเข้าไปในสนาม ยังไม่มีกองเชียร์เลย มีแค่คนจัดการแข่งขันและพวกตากล้อง เดินเข้าไปนี่มีแต่คนมอง (เพราะเค้าคงไม่คิดว่าจะมีใครมาเชียร์มั้ง เค้าเลยงงๆ เพราะคนประเทศนี้เค้าไม่ค่อยอะไรกันมากอะนะ)

อีกสองนางคู่หู


พอเลือกที่นั่งเสร็จสรรพ นั่งได้สักพักก็มีพี่นักข่าวจากเมืองไทยถือไมค์ถือกล้องมาเลยจ้าาาาา เหงื่อแตกพลั่กเลยค่ะ (พวกเราสามคนอ่ะนะ ประมาณว่าซวยแล้วกรู) ไม่น่ามาเร็วเลย หนูไม่อยากออกทีวี ;( พี่เค้าสัมภาษณ์ได้แค่พักเดียวก็ไป สงสัยเห็นพวกเราไม่ค่อยให้ความร่วมมือ (พวกหนูไม่ได้ดื้อนะคะ คือพวกหนูเขิลลลลกล้องอ่ะ 555 คนไม่เคยออกทีวีอะเนอะ กลายเป็นซวยพี่เค้าไป ประมาณว่ากรูไม่น่ามาสัมภาษณ์พวกมันเลย เปลืองฟิล์ม 55555)

มาดูภาพในสนามดีกว่าค่ะ ใครเป็นใคร ไปดูกันเองเลยนะจ๊าาาาา (ภาพอาจจะเบอลๆไม่ค่อยชัดไปบ้างนะเคอะ บางครั้งนักกีฬาก็เคลื่นไหวกันอยู่ บ้างครั้งก็ตื่นเต้นจนมือสั่น 555555 ม่ายช่ายยย



 

 สาวๆสู้ทีมบราซิลไปได้อย่างสนุกมากกก มันส์มากกก กองเชียร์ดังมากก แต่สุดท้ายก็แพ้ทีมบราซิลไปอย่างสุดมันส์ 4-1 เซ็ต
 ทีมบราซิลหันมาชื่นชมสปิริตกองเชียร์ทีมไทย

 ส่วนทีมไทยก็เดินมาขอบคุณกองเชียร์
 อยากบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนไทยก็ไม่ทิ้งกันจริงๆค่ะ ตอนแรกไม่คิดเลยว่ากองเชียร์จะเยอะขนาดนี้ เยอะมากกก ร่วมร้อยคนได้ ประมาณว่าลูกเรือคนไหนหยุดและทราบข่าวคงไปกันหมด เพราะเจอพี่ๆน้องๆที่เคยบินด้วยกันเยอะมาก เชื่อแล้วว่าเราไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะทีมวอลเลย์บอลสาวไทยตอนนี้ ไม่ว่าจะไปแข่งที่ไหน กองเชียร์ไทยเยอะตลอด เชื่อแล้วว่าเรารักกันจริงๆ ไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่พวกเราก็เชียร์เหมือนเชียร์พี่เชียร์น้องกันเลยทีเดียว

ไม่ว่าเกมส์จะจบยังไง อยากบอกว่าขอบคุณนะคะที่ทำเพื่อชาติ ถึงจะมาในนามสโมสร แต่พวกคุณคือทีมชาติไทย ยังไงคนไทยไม่ทิ้งพวกคุณแน่นอนค่ะ ขอบคุณจริงๆ เพราะวันนั้นพวกเรามีความสุขมาก ถึงจะแพ้ไปแต่ชนะใจคนดูจริงๆนะ

กลับมาแล้ววววว

สวัสดีค่าาาาา

หลังจากที่ห่างหายจากการอัพบล็อกไปเป็นเวลาชาติเศษเนื่องจากติดภารกิจนู่น นี่ นั่น อยากบอกว่าตอนนี้กลับมาแล้วนะจ๊ะ กลับมาพร้อมกับรูปโฉมใหม่นิดหน่อย อิอิ กลัวว่าจะเบื่อเพจเดิมๆกันซะก่อน

อยากบอกว่าครึ่งปีที่หายไป มีรูปและเรื่องที่จะอัพเยอะมากกกกกกกกกกกก มากจนรู้สึกผิดเลยทีเดียวว่าดองไว้นานขนาดนี้ๆๆๆๆๆๆได้ยังไง ยังไงถ้ามีใครที่ติดตามอ่าน ก็กราบขออภัยงามๆมาในที่นี้ด้วยนะเคอะ อยากบอกว่าต่อไปนี้ หนูจะเป็นคนดีแล้วค่าาาา (เกี่ยวมั้ย?) ม่ายช่ายยย ต่อไปนี้ หนูจะอัพตลอดๆแล้วค่าาา ^^

                                               ________________


มาได้ไม่ทันไรก็ผ่าน 1st Anniversary ไปแบบงงๆ

วันนี้วันที่ 22 เดือน 10 ปี 2011 อยากบอกว่า มันผ่านวันที่ 11 เดือน 9 มาได้เดือนกว่าแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าเรามาทำงานที่นี่ได้ปีกว่าแล้ว ^O^ อยากบอกว่ามันเร็วมากกกกกกก เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ หนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก หลักๆจะมาจากการทำงาน ซึ่งการทำงานที่นี่ก็ได้สอนอะไรเราหลายๆอย่างอีกทอดนึง อย่างเช่น การบริการ การเอาใจใส่ผู้อืน (ก็ผู้โดยน่ะแหละ) การอยู่ร่วมกับผู่อื่น (รูมเมท) การผูกมิตรกะเพื่อนร่วมงาน (ที่เราต้องเจอใหม่ๆในทุกไฟลท์) การอยู่ในกฎระเบียบ (อันเคร่งครัดของที่นี่) และอื่นๆอีกมากมาย

เพราะฉะนั้น ในหนึ่งปีที่ผ่านไป เราได้อะไรมาเยอะแยะมากมาย นอกจากจะได้ทำงานเก็บเงิน ไปเที่ยวในที่ต่างๆแล้ว สิ่งหลักๆที่ได้คือการได้พัฒนาตัวเอง ได้ฝึกฝนตัวเองในหลายๆด้าน โดยเฉพาะเรื่องความอดทน และการเอาใจใส่ดูแลผู้อื่น ซึ่งเป็นสิ่งหลักๆที่งานนี้สอนเรา เราได้ฝึกเรื่องการอดทนเยอะมากกกก อดทนนี่หมายถึงอดทนทั้งกายและใจ อยากบอกว่าใครที่คิดว่าคนเป็นแอร์นี่แค่เดินเสิร์ฟสวยๆ chicken or beef? tea or coffee? แค่นี้ ไม่จริงเลย มันเป็นงานที่หนักในระดับนึงที่เดียว แน่นอนว่าไม่ได้หนักเหมือนงานแบกหาม แต่มันหนักกว่าที่คนอื่นคิดเยอะ

มีคนไม่น้อยเลยไม่รู้ว่าทำงานเป็นแอร์บนเครื่อง บางครั้งก็เหมือนงานแบกหามย่อมๆ เพราะกล่องคอนเทนเนอร์ที่ใส่ของที่เราต้องยกเข้ายกออกเวลาหยิบของมันหนักมาก หลายๆคนทำงานนี้หลายๆปีเข้า เจ็บหลังเรื้อรังกันเป็นแถว และหลายๆครั้งที่ทำงานถ้าเราได้เป็นคนครัว หรือ galley operator ในวันที่ไฟลท์เต็ม (ซึ่งมันเป็นบ่อยๆ) เรางี้ทำงานจนหน้ามืดเลยทีเดียว ไม่ใช่ว่างานหนักอย่างเดียวเพราะเราเป็นคนที่ต้องเตรียมทุกอย่างให้คนอื่นออกไปเสิร์ฟ แต่เราต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วย คือทำทุกอย่างต้องเร็วน่ะเอง นอกจากเรามีงานที่ต้องเตรียมของเราในครัวแล้ว ถ้าใครจะเอาอะไร เราก็ต้องเป็นคนเอาออกไปให้หมดทุกคน เพราะฉะนั้นในหลายๆไฟลท์ เราจะไม่ได้นั่งกันเลย คิดดูว่าไฟล์ห้า หกชั่วโมงไม่ได้นั่งเลยยยยยยย (นั่งแค่เครื่องขึ้น-ลงเท่านั้นแหละ) เพราะฉะนั้นงานนี้ ฝึกเราเรื่องความอดทนและความถึกได้ดีทีเดียว

แต่เชื่อมั้ย ว่าความเหนื่อยกายทั้งหมดทั้งมวลนั่นมันยังไม่เท่าเหนื่อยใจ หรือเวลาที่เราต้องรวบรวมความอดทนทั้งหมดที่มีเวลาบริการผู้โดยสาร ผู้โดยสารบางคน (แค่บางคนนะคะ) เค้าจะพูดจากะเราไม่เป็นมิตรมากๆ บางคนหัวเสียมาจากไหนไม่รู้ บางคนโมโหกราวด์ หรือพนักงานภาคพื้นดิน จัดที่นั่งให้ไม่ได้ ไม่ได้นั่งด้วยกัน ไม่ได้นั่งแถวหน้าสุด (ที่จะยืดขาได้สะดวก) เครื่องที่ต่อมาดีเลย์ โมโหสายการบิน และอีกมากมายล้านแปด เอาความโกรธทั้งหมดทั้งมวลนั่นมาลงที่กรู เอ้ย ลงที่เรา บางครั้งโกรธแทบตาย ไม่ไหวแล้วอยากบีบคอท่านผู้มีพระคุณมากๆ แต่ก็ต้องยิ้มมมมมมม ยิ้มให้ตายกันไปข้างนึง (อกแตกตายเอง เพราะทำอะไรม่ายด้ายยยย)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พอไฟลท์จบทุกอย่างก็จบ โมโหแล้ว เดี๋ยวเดียวก็หาย เหนื่อยกาย พอกลับถึงบ้าน นอนพักตื่นมาก็หาย งานนี้จึงทำให้เราได้พัฒนาตัวเองเยอะมาก  หนึ่งปีที่ผ่านมาจึงมีหลากหลายอารมณ์ หลากหลายรสชาติชีวิตที่ได้เรียนรู้ ดีบ้างร้ายบ้างปะปนกันไป ยังไงก็ขอบคุณที่นี่ ขอบคุณงานนี้ที่ทำให้ชีวิตนี้ยังได้เรียนรู้ต่อไป