Monday, November 14, 2011

One sweet evening in Madrid

สวัสดีค่าาาาาาา (^人^)


หายไปซะหลายวันเลย ไม่ได้ไปไหนนะ หายไปทำไฟล์ฮ่องกง ต่อด้วยกรุงเทพ-ฮานอยมาจ้า ไฟลท์นี้มีคนไทยด้วยกันทั้งหมดเจ็ดคนเลยทีเดียว กลมเกลียวสมเป็นไฟลท์กรุงเทพจริงๆ ฮ่าๆ แถมโชคดีได้ทำไฟล์เดียวกะนก เพื่อนคนไทยที่เรียนแบชเดียวกัน ที่เคยทำไฟลท์ฮานอยมาแล้วด้วยกันครั้งนึง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองถือซึ่งว่าโชคดีมากๆ ในไฟลท์ก็ช่วยกันทำงานสุดฤทธิ์แถมเม้าท์มอยกันสนุกสนาน แล้วยังมีน้องคนไทยอีกคน เม้าท์กันเพลินอะทีนี้ แฮ่ๆ แล้วไว้จะมาลงรูปให้ดูนะจ๊ะ

ว่าแต่เรามาเข้าเรื่องมาดริดของเรากันดีกว่า ไฟลท์นี้มีคนไทยด้วยกันทั้งหมดสามคน (มันส์อีกแล้วตรู 555) แถมทุกคนยังไม่เคยไปมาดริดเลย ทีนี้ก็ได้ฤกษ์ออกตะลอนกันสิคะ พอถึงโรงแรมก็นัดแนะกันเสร็จสรรพ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ล็อบบี้เลยเพราะกว่าจะถึงโรงแรมก็สามสี่โมงเย็นแล้วอะค่ะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน

พอลงมาล็อบบี้ก็ถามรีเซฟชั่นว่าพวกกระเหรี่ยงจะเข้าเมืองได้โดยทางไหนบ้างคะ คุณเค้าก็บอกกะเหรี่ยงมาว่าไปได้สองแบบ คือแบบเร็วกะแบบช้า แบบช้าเนี่ยคือนั่งรถไฟไป ตั๋วต่อคนเที่ยวละไม่กี่ยูโร แต่ใช้เวลา 45 นาที และต้องเปลี่ยนสถานีถึง 3 สถานี ส่วนแบบเร็วเนี่ยคือนั่งแท็กซี่ไป ใช้เวลาแค่ 15 นาที แต่ค่าแท็กซี่คือ20 ยูโร ( ° △ °|||)

เอาละสิทีนี้ พวกกะเหรี่ยงคิดหนัก เอ๊ จะไปรถไฟแบบถูกๆ หรือจะนั่งแท็กซี่ไปแบบเร็วๆดีแว้ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีเวลาทำอะไรในเมือง แต่แพงจริงอะไรจริง หรือจะไปรถไฟ ถูกก็จริงแต่นานได้อีก แถมหลายต่อ แถมมาจากไฟลท์เหนื่อยๆ จะให้เดินขึ้นๆลงๆรถไฟก็ไม่ไหวจะเคลียร์ ทีนี้กะเหรี่ยงเลยปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจได้
.
.
.
.
ให้ทายว่ากะเหรี่ยงจะเลือกแบบไหน
.
.
.
.
หลังจากประชุมบอร์ดกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ 30.75 วินาที สุดท้ายกะเหรี่ยงก็เลือกแท็กซี่จ้าาาาา เน่...........เห็นบ้านนอกเข้ากรุงแบบนี้ แต่ใจป้ำนะยะ อย่าดูถูกไปเชียว 5555555

หลังจาก 15 นาทีผ่านไป หนึ่งหนุ่มและสองสาวที่นอนสลบไสลไร้สติก็ถูกพามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย พร้อมกับยอมจำนนให้คุณพี่แท็กซี่เชิดเงินหกร้อยกว่าบาทไปจากความรู้สึก (55555 ลิเกได้อีกกก) และสติก็พลันกลับมา (จะลิเกต่อทำไมเนี่ย ฮ่าๆๆ)
กะคุณพี่ใหญ่ใจดี อิอิ
คู่พระนางถ่ายหน้าปกละคร คิคิ 


ถ่ายกันอยู่ฉากเดียว ฮ่าๆ

 หลังจากเดินชมเมืองกันเล็กน้อย แอบแวะเข้า zara หน่อยๆ เนื่องจากคุณพี่แกบอกว่า zara เป็นแบรนด์ที่มาจากเสปน มันเลยอาจจะถูกกว่าที่อื่น เราก็เลยเดินเข้าๆออกๆอยู่ที่ร้านเนี่ยแหละ แต่เดินไปเดินมาก็เริ่มหิวกันค่ะ ก็เลยเดินหาร้านอาหารกันก่อนเลย เดินจนทั่วก็ยังไม่ได้ร้านที่ถูกใจ (ทุกคน) คุณหญิงอยากทานเสต็กเนื้อ คุณชายไม่ทานเนื้อ โอ้วววแม่เจ้า!!!  555  ตอนนี้แตกคอกันค่ะ 555 ก็เดินหากันไปจนฝนตก เลยแวะหลบฝนที่ zara ฝนหยุดก็ออกมาเดินหากันใหม่ก็ไม่ได้ร้านที่ถูกใจ ไอ้เราก็ดันใส่ชุดบางมากๆ มันเลยหนาวมากๆ ก็เดินไปเดินมาสุดท้ายก็มาลงเอยที่ร้านเสต็ก คุณพี่ใหญ่ต้องยอมเพราะคุณพี่รองอยากทานมากกก ฮ่าๆ

คุณพี่ใหญ่บอก เรื่องเยอะนักนะ เดี้ยะโดนนี่ 555

พูดตามตรง.........เอาแก้มไปโฟโต้เฉาะเถอะ อ๊ากกกกก (≧◇≦)

ก็สั่งอาหารกันไป เลือกกันอย่างสนุกสนาน แต่ละคนไม่รู้จะกินอะไร จานแรกเลยลองสั่งๆดูไปก่อน แถมสั่งเบียร์กะไวน์มาด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรส (ความจริงหาเรื่องดื่มมากกว่า ทำเป็นเอาบรรยากาศมาอ้าง ฮ่าๆ)

นั่งคุยกันชิวๆ จิบเบียร์เพลินๆ ฟังเพลงเบาๆ อ๊ากกกก มีความสุขที่สุด ~( ̄▽ ̄)~*
 และแล้วอาหารจานแรกก็มา นี่คือที่เราสั่งไป เอาตามตรงก็ไก่ย่างบ้านเราดีๆนี่แหละ แว๊กกกกก ถึงจะทำเป็นจิบเบียร์ แต่ก็ปิดความเป็นกระเหรี่ยงไม่มิด ฮ่าๆๆๆ
ส่วนนี่ของคุณพี่ใหญ่ เป็นแบบรวมๆเนื้อหลากชนิด ทั้งแกะ เนื้อ ซ็อสเซส และเบคอน

 เมื่อจานแรกของทุกคนหมดลงก็ต่อก๊อกสองทันที
 
จานที่สองสั่งแต่เบคอนอย่างเดียว สั่งแบบไม่ดูน้ำหน้า เอ๊ย น้ำหนักตัวเองเลย
 กินกันเสร็จแบบอิ่มมากๆ สรุป มื้อนี้เราจ่ายไปประมาณเกือบ 20 ยูโร โอ้วววว ยังโอเค กินเสร็จออกมาจากร้านก็มาเดินเล่นกันต่อแถวๆนั้น เดินมาจะเจอลานกว้างๆเหมือนเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง พร้อมกับรูปปั้นของพระเจ้า Charles III of Spain ที่เห็นเป็นจุดเด่นสง่าอยู่กลางลาน
กว่าจะกินเสร็จ ออกมาก็ค่ำแล้ววว ถ่ายรูปได้อีกอารมณ์นึง
เดินถ่ายรูปแถวๆนั้นไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มหนาวถึงหนาวมากเพราะฝนตกด้วย เสื้อผ้าบางมากด้วย


 อีกฝากนึงของลานมีรูปปั้นน้องหมีนี่อยู่ น่ารักดี ชื่อน้องคือ "Bear and the Madroño Tree" เป็น heraldic symbol ของมาดริด


เดินไปเดินมา ทนความหนาวบวกกลิ่นหอมยั่วยวนไม่ไหว เลยสอยวาฟเฟิลร้อนๆราดคาราเมลมากินกัน อยากบอกว่าอร่อยมากกกกก จำราคาไม่ค่อยได้แต่คิดว่านาจะ 2 ยูโร โอ้ววว แพงทุกอย่าง แต่คุ้มมากกกเพราะอร่อยยย

หลังจากเดินเข้าzaraกันอีกรอบ จนร้านปิดตอนสามทุ่มก็เลยยอมกลับโรงแรมกันแต่โดยดี เพราะเริ่มหนาวมากกกกก ≧﹏≦ ขากลับก็นั่งแท็กซี่กันอีกรอบ อีก 20 ยูโร โอ้ววว โนวว ≧︿≦ 555


ส่วนนี่เป็นตึกอะไรซักอย่าง ถ่ายระหว่างนั่งแท็กซี่กลับโรงแรม เห็นเค้าติดไฟสวยดี เลยถ่ายมาด้วย เห็นจริงๆนะสวยมากเลยล่ะค่ะ


สรุป มาดริดวันนี้ไม่ได้พาไปเที่ยวดูอะไรซักเท่าไหร่ เพราะเหมือนจะเป็นมาดินเนอร์กันซะมากกว่า แต่เอาเข้าจริง ถ้าวันหน้าได้มีโอกาสมาใหม่จะพาไปเที่ยวจริงจัง แต่วันนั้นไม่ได้ไปเนื่องจากเราเอาเที่ยวไว้ก่อนได้ เพราะครั้งหน้าที่ได้มาไม่รู้ว่าจะมากะเพื่อนเดินทางที่ถูกใจแบบนี้อีกรึเปล่า เพื่อนที่ทำให้เรามีค่ำคืนที่สุดสนุก แสนหวาน และ so sweet!

Wednesday, November 9, 2011

กินสนุก ช็อปสนั่นที่โอซาก้า

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
.
.
.
.
.

นั่นเป็นเสียงแรกเมื่อได้เห็นตารางบินของเดือนที่แล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอคะ เพราะว่าตารางบินเดือนที่แล้วถือว่าค่อนข้างดีทีเดียว

1-2 off
3  เทรน fatique & CRM
      ฟาทีคก็คือเทรนว่าถ้าเราจะรีพอร์ทฟาทีคหรืออาการที่ร่างกายอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าจากการบินติดต่อกันนานๆจะต้องทำยังไง คล้ายๆกับการลาป่วยนั่นหละ แต่อันนี้ประมาณว่ายังไม่ได้ป่วยแต่ไปบินไม่ไหวนะ 5555

     ส่วน CRM คือ การสื่อสารกะผู้ร่วมงาน ว่าเราควรจะต้องสื่อสารยังไงให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อลดข้อผิดพลาดและให้งานออกมาดีที่สุด)
4-7 standby
     ซึ่งก็ถูกเปลี่ยนเป็น airport standby ในวันแรก แถมเวลายังโดนเวลาเช้าสุดอีกคือตีห้าถึงเก้าโมงเช้า ตอนเห็นนะ กรี๊ดดดดดดด บ้าไปแล้วววววว ไอ้แอร์พอร์ตแสตนด์บายเนี่ยก็แย่อยู่แล้ว ต้องไปนั่งรอเรียก ซึ่งก็โดนเรียกบ้างไม่โดนบ้าง แล้วแต่ดวง แต่ที่แย่กว่านั้นคือไอ้เวลาตีห้าเนี่ยแหละ เริ่มตีห้า รถก็ต้องมารับประมาณตี่สี่ครึ่ง ก็ต้องตื่นตีสามครึ่ง อ๊ากกกกกกกก เกลียดการตื่นเช้าที่สุดดดด
     ตอนไปถึงนะ โอยยย เช้าก็เช้า ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น ไม่รู้จะโดนเรียกไปไหน ทุกครั้งที่โทรศัพท์ในห้องที่รอดัง ทุกคนจะลุ้นมาก ใจตุ้มๆต่อมๆไปหมด ไม่รู้ว่าหวยจะออกที่ใคร ยิ่งกว่าลุ้นหวยจริงอีก 555
     นั่งไปได้ประมาณ 2 ชม. โทรศัพท์ดัง แถมตอนนั้นเราดันยืนข้างโทรสัพท์พอดี เราเลยรับ
      เรา: yes? crew lounge.
      เค้า: Is xxxxx there? เค้าบอกรหัสลูกเรือมา
      เรา: yes, speaking. ป๊าดดดดดดด น่านงายยยยย มันมาแล้วเว้ยเฮ้ยยยย โดนเรียกแล้ว
      เค้า: Alright. You've got a flight. Please come to the help desk.
      เรา: Sure, thanks. โอ้วววว โนวววว โดนไปไหนเนี่ย แอร๊ยยยยยย
     พอเดินไปถึง อืมมม ชนินาถ you're going to Malpensa. พอได้ยินเท่านั้นแหละ ฮ๊ะ อะไรนะ เว่อร์ ไม่จริงอะ บร้าาาาา มิลานหรออออออ กรี๊ดๆๆ โชคชั้นหนึ่ง
     แถมพอปริ้นท์รายระเอียดของไฟลท์นั้นออกมา ดูเวลาว่าเราได้เลย์โอเวอร์กี่ชั่วโมงก็แทบกรี๊ด เพราะมันเป็นมิลาน with day off กรี๊ดๆๆๆ โชคสองชั้น 5555
8-9 off
      แล้วก็ได้ไปดูวอลเล่ย์ในเอนทรีที่แล้วน่ะหล่ะ
10-12 BKK-HAN
      เย้ เดือนนี้ได้กรุงเทพอีกแล้ว เพราะขอไฟลท์นี้ทุกเดือนอะนะ 555 กรุงเทพ-ฮานอย
14 Dubai
15 off
16-17 Zurich
18 เทรน boeing777  door
19 เทรน security
20-21 off
22-25 Osaka-Narita
กรี๊ดดดดดดดดด (กรี๊ดนี้ที่รอคอย ตั้งแต่เปิดหัวเอนทรี่ 555) จะได้ทำโอซาก้าครั้งแรกในรอบหนึ่งปี เนื่องจากไม่ค่อยเคยขอไฟลท์นี้เท่าไหร่ เพราะเคยขอไปสองสามเดือน ไม่เคยได้ เลยไม่ขออีกเลย จนปีนึงผ่านไป อยากลองไปดูและช็อป of course 555 เลยลองขอดูอีกครั้ง จนเพิ่งมาได้นี่แหละ
26-27 Madrid 
จ่อรอคิวอัพอันต่อไป
28-29 off
31 Jeddah

ก็เป็นตารางที่ดีอีกเดือนหนึ่ง แต่ที่เห็นหายไปครึ่งเดือนจากการอัพครั้งที่แล้ว จากดูวอลเล่ย์แล้วข้ามมาโอซาก้าเลย ก็เพราะว่าซูริคเคยไปแล้ว ครั้งนี้เลยไม่ได้อัพอีก ส่วนมิลานก็เช่นกัน เราก็เลยข้ามมาที่โอซาก้า ก้า ก้า ก้า ก้า (เอคโค่ให้ดูเหมือนยิ่งใหญ่ 555) กันเลยนะ

โอซาก้าเป็นอีกไฟลท์ที่ค่อนข้างนานเลยทีเดียว ขาไปนี่ยังพอทน แต่ขากลับ 11ชม.กว่าเลยทีเดียว (แต่ยังโชคดีได้นอนพัก 3 ชม.) แต่ยังดีที่ผู้โดยน่ารักเลยไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แถมโชคดีได้บินกะเจ้ๆคนไทยอีกสองคน เลยมีเพื่อนเม้าท์

ไปถึงวันแรกก็เกือบเย็นแล้ว เจ้ๆชวนไปหาอะไรกินที่ osaka station แต่ไม่ได้ไปเพราะว่าอากาศที่ญี่ปุ่นเริ่มหนาวแต่เจือกไม่ได้เอาชุดหนาๆมาเพราะไม่ได้คิดว่าจะออกไปไหนตอนกลางคืนอ่ะ เลยอดไปตามระเบียบ กลัวไม่สบายอีก เบื่อเป็นหวัดอะ

วันรุ่งขึ้นทำไฟลท์ไป-กลับ โอซาก้า-นาริตะ ก็สบายๆเพราะผู้โดยลงที่โอซาก้าซะส่วนใหญ่แล้ว เลยไม่มีผู้โดยเยอะมากเท่าไหร่ แต่กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมก็ดึกแล้ว แต่พอดีที่ใต้โรงแรมมีร้านอาหารที่เปิดถึงดึก เจ้ๆชวนไป วันนี้เลยไม่พลาด


ที่ร้าน >>> อุปกรณ์พร้อม สาเกบ๊วยพร้อม 555


นี่สองเจ้ที่น่าร้าก คุณพี่แวนด้า กะเจ้มาย พวกเราถ่ายรูปกันเยอะมากที่ร้าน
นี่เป็นอีกรูปที่ชอบ ดูน่ารักดี

 แล้วเราก็สั่งอาหารกันเยอะมากกกกกก จนถ่ายไม่หมดเลยทีเดียว ไอ้เราก็ไม่ค่อยกินอาหารญี่ปุ่นกะเค้าเท่าไหร่อะนะ กินไม่ค่อยบ่อยหรอก เนี่ยแค่ครั้งแรกเอ๊ง 5555555 อยากบอกว่าเป็นคนไม่กินอาหารญี่ปุ่น แต่มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีอะนะ จะไม่กินก็ไม่รู้จะกินอะไร ฮ่าๆ ม่ายช่ายยย มาทั้งทีก็ลองกินดูหน่อยละกัน อะไรเป็นอะไร ไปดูกันค่ะ


กะทะร้อน พร้อมเสิร์ฟ --- เปิดฝา พร้อมถ่าย ฮ่าๆ

เบคอนห่อชีส ชีสล้นทะลัก กินอันแรกๆก็รักอยู่ หลังๆทะลักซะจนไม่รัก เลี่ยนชีส


หนังไก่ย่าง รสชาติมันแบบว่า..อื้มมม.....

ชื่ออะไรเป็นอะไร จำไม่ได้เลยค่ะ ไม่ใช่คออาหารญี่ปุ่นอ่ะน้า อันนี้เรียกว่าก้อนไข่หั่นละกัน แป่วว เรียกของเค้าซะเสียรึเปล่าเนี่ย

ไข่กะทะ ฮ่าๆ

หอยเชลล์ผัด

สลัดหัวไชเท้า

ปอเปี๊ยไส้ชีส

ไอติมชาเขียว อร่อยมากกกกกก

ไอติมชาเขียวกะโมจิ๊ เอ้ย โมจิ 555

เริ่มด้วย สาเกบวย แต่มาจบที่รสแอพพริคอท อันนี้อร่อยจริงจัง ฟาดสาเกไปคนละสามสี่แก้วเลยทีเดียว

นั่งเม้าท์เพลินๆ จิบสาเกไปพลางๆ อาหารอร่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็นั่งจนร้านปิดแล้ว สรุปมื้อนี้ราคารวมๆแล้วก็สองหมื่นกว่าเยน หารกันออกก็ตกเป็นเงินไทยประมาณพันหกต่อคน ที่ญี่ปุ่นนี่อะไรๆก็ค่อนข้างราคาสูงนิสส์นึง แต่ก็โอเค

วันรุ่งขึ้นสองเจ้ชวนไปเดินช็อปย่านชินไซบาชิ ก็นั่งรถ shuttle bus จากโรงแรมมาที่โอซาก้า สเตชั่นครึ่งชั่วโมง แล้วก็นั่งรถไฟอีกสามสถานีก็ถึงชินไซบาชิ

ถนนที่เดินช็อปปิ้งจะกว้างแค่ประมาณนี้ แต่ว่ามันยาวมาก เดินได้เรื่อยๆ วันนี้ทั้งวันเลยเดินช็อปกันกระจาย ไม่มีเวลาถ่ายรูปเลย นี่คือตอนสายๆที่เพิ่งมาถึง คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ คิดดูว่าขนาดนี้คือยังไม่เยอะ ตอนเย็นๆก่อนกลับนี่แบบว่าแน่นเลยทีเดียว


ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์
ร้านขายขนม
 แอบเสียใจเล็กน้อยที่ได้ไฟลท์นี้มาตอนปลายเดือน เพราะมันช็อปไม่สะจายยยยย และของที่นี่มีให้เลือกเยอะมากๆ แต่ได้ของตัวเองมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะเก็บเงินไว้ซื้อของฝากคนที่บ้านก่อน สิ่งเดียวที่ช็อปมากระหน่ำคือขนม ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านเยอะมาก มาก มาก

มากจริงๆนะเออ 

 และของสองสิ่งที่ได้จากทริปนี้คือกระเป๋าและกาวทำตาสองชั้น ส่วนทำสีผมฝากคนที่บ้าน
ค่าเสียหายกระเป๋า พอดีว่ามันมีรอยขูดขีดนิดหน่อย ลดราคาแล้วคิดเป็นเงินไทยก็
พันสองพอดิบพอดี


 เดินช็อปกันท้งวัน ก็หาไรกินซะหน่อย กินแบบรีบนะ รีบกิน รีบออก รีบช็อปต่อเพราะเดี๋ยวกลับโรงแรมไม่ทันเวลา 555 คิดๆกันดูแล้วก็ซูชินี่แหละ ตัวทำเวลา
เดินมาเหนื่อยๆ แวะดื่มชาเขียวเย็นๆให้ชื่นใจ
ตามด้วยซูชิกุ้ง ปู
และหน้าไข่กุ้ง
สนนราคาประมาณ 850 เยนขาดตัว เดินมาเหนื่อยๆ นั่งตากแอร์เย็น กินอิ่มๆก็หายเหนื่อย พอมาจ่ายตังค์ก็กลับมาเหนื่อยต่อ.........เหนื่อยจายยย 55555 ของแพงดีเจงๆ

สรุป กลับมาจากญี่ปุ่นพร้อมของเต็มกระเป๋า แต่วันรุ่งขึ้นไปมาดริดแบบจนๆ เฮ้อออ..... ปลายเดือนก็เงี้ย

ปล. เอนทรี่หน้าเดี๋ยวพาไปต่อมาดริดกันเลยนะจ๊ะ stay tuned เน้อออ ^^